จงพัฒนาปัญญา
จงพัฒนาปัญญาให้รู้ทุกมิติมัวแต่อยู่มิติที่ 5ไม่ขึ้นไม่ลง#มันจะบ้าความรัก#บ้าความสมบูรณ์ขึ้นลงสติด้วยการพิจารณาความจริงของเรื่องบ้าง #ตั้งสติ
จงพัฒนาปัญญาให้รู้ทุกมิติมัวแต่อยู่มิติที่ 5ไม่ขึ้นไม่ลง#มันจะบ้าความรัก#บ้าความสมบูรณ์ขึ้นลงสติด้วยการพิจารณาความจริงของเรื่องบ้าง #ตั้งสติ
#ความศักดิ์สิทธิ์ของอักขระนาครีย์#และอักขระกูโบ๊ส “เทวดาพูดภาษาอะไร?”มาทำความรู้จัก ภาษา “กูโบ๊ส – กูต๊าบ”เทพยาดาท่านใช้สื่อสารกันภาษา “กูโบ๊ส – กูต๊าบ” #ภาษาของพรหมใช้ คือ กูโบ๊สส่วนภาษาของวิญญาณในภพสัมภเวสี และวิญญาณชั้นต่ำใช้ คือ กูต๊าบ ในการติดต่อและกระทำพิธีกรรมพวกพรหมชั้นสูงจะใช้ภาษา “กูโบ๊สขั้นสูง” เรียกว่า “ปุริสคาเบ๊ส” พรพรหมชั้นกลางใช้กูโบ๊สแบบ “รอเฟน”พวกพรหมชั้นต่ำและเทพชั้นสูงให้กูโบ๊สแบบ “มินกะเอน” ในการติดต่อสื่อสารและกระทำพิธีพวกวิญญาณเทพชั้นกลางและเทพเจ้าโดยทั่วไป ใช้ภาษา “เช็คราวาตี” ในการติดต่อและกระทำพิธีคัมภีร์ศาสนาพราหมณ์ยุคดึกดำบรรพ์ใช้อักขระกูโบ๊สจารึกและปราชญ์ทางนิรุกติศาสตร์ลงความเห็นว่า “ภาษากูโบ๊ส คือ ต้นกำเนิดของอักขระเทวนาครีย์” #ในประเทศไทย ยังมีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในภาษากูโบ๊ส – กูต๊าบ นั่นคือ ดร.พระธรรมโมลี (ทองอยู่ ญาณวิสุทฺโธ) หลวงพ่อทองอยู่ไปศึกษาสันสกฤตระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยมัทราส เมืองมัสราส รัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดียในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยทำวิทยานิพนธ์เรื่อง “ASHVAGHOSA’S WORK” (งานของท่านอัศวโฆษ) ท่านอัศวโฆษ นี่แหละคือเสาเอกของบวรพุทธศาสนานิกายมหายาน โดยลูกศิษย์ท่านนามว่า นาคารชุน นำมาปฏิบัติและเผยแพร่ จนกลายเป็นนิกายที่สำคัญไป ซึ่งยึดเอา อวตังสกสูตร เป็นแม่บทของนิกาย คามแตกฉานอย่างกว้างไกลและลุ่มลึกในภาษาสันสกฤตของหลวงพ่อเจ้าคุณ…
อย่าคาดหวังว่าจะทำอะไรให้เสร็จง่ายๆ หากเจ้าบังเอิญได้อะไรมาง่ายๆ เจตจำนงจะอ่อนแอลง #จงพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อทำสิ่งที่เราทำอยู่สำเร็จผล”
#ภาษาเทพแต่ละประเภท 1.ภาษา กรูรู#จะเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกับจิตวิญญาณทั่วไปจนถึงระดับเทวดาได้ ภาษานี้ก็เป็นภาษาโบราณ การออกเสียงจะคล้ายๆ กับมีสระอู เยอะๆ ฟังแล้วก็ไพเราะดี แต่ก็ยังฟังไม่ออก 2 ภาษากูโบต เป็น ภาษาที่เหล่าพระฤาษี หรือ เหล่าพญานาคใช้สื่อสารกัน บางอันก็ไปเรียกว่า ภาษา เทวนาคี ก็เป็นได้ 3 ภาษากูตาฟ เป็นภาษาที่เทพชั้นสูงใช้สื่อสารกัน ไม่ว่าจะเทพเจ้าสายฮินดู หรือสายธิเบต ลักษณะฟังแล้วคล้ายกับ บาลีสันสกฤต 4 ภาษาพรหม อันนี้เป็นภาษาที่เหล่าพรหมใช้กัน จะแตกต่างกับที่กล่าวมาเบื้องต้นมาก เพราะเป็นภาษาชั้นสูง ***5***** ภาษามรรค อันนี้เป็นภาษาสูงสุด คือสามารสื่อสารกับ ภพภูมิต่างๆ รวมไปถึงสื่อสารกับเหล่าสัตว์ สิ่งมีชีวิตได้หมดเลย #รู้เรื่องได้เลยได้จากการเกิดอภิญญา#และการปฏิบัติขั้นสูงจริงๆ#ถือเป็นภาษาที่ละเอียดอ่อน และหาการเทียบเคียงด้านตัวหนังสื่อได้ยากมาก บางครั้งเข้าใจได้ทางจิตล้วนๆ #ซึ่งภาษาเทพที่กล่าวมาเบื้องต้นขอเน้นย้ำว่า มีจริง แต่จะสามารถเข้าใจและพูดสื่อสารได้ #เฉพาะบุคคลผู้มีหน้าที่มาด้านนี้เท่านั้น #บางคนถูกกำหนดมาให้พูดได้ แต่ฟังไม่ออก บางคนฟังออก แต่พูดไม่ได้หรือบางคนพูดได้ ฟังออกและสามารถสื่อสารโต้ตอบกันอย่างเข้าใจเลยทีเดียว แต่ไม่ได้เหมารวมว่า ร่างทรงคนมีองค์จะต้องมีหน้าที่เหมือนกันหมดทุกคน และพูดได้ ฟังออกสื่อสารเป็นกันได้ทุกคนอยู่ที่ภาระหน้าที่ที่เบื้องบนมอบหมายองค์การมาอีกที #แต่กระนั้นก็อยากจะฝากเตือนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและฝักใฝ่ด้านนี้ว่า มิใช่ไปหลงมัวเมาเห็นร่างทรงคนนี้พูดภาษาเทพได้ก็ยึดมั่นว่า เขาผู้นี้เป็นเทพจริงๆ คงต้องใช้ปัญญาพิจารณากันอีกทีนะ ควรจะพิจารณาพื้นฐานสำคัญๆคือ ภาษาก็คือสื่อในการสื่อสารจากเบื้องบนมาสู่มนุษย์…
หากคุณติดอยู่ในภาวะซึมเศร้าและไม่แน่ใจว่าจะกลับไปรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไรให้ลองใช้เทคนิคง่ายๆ ด้านล่างเพื่อเพิ่มแรงสั่นสะเทือนในทันที แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงต่อท่าทางของเราร่วมกับความคิดที่เราให้พลังงาน #ความจริงง่ายๆหากคุณกำลังกระโดดขึ้นและลงหัวเราะและปรบมือพร้อมๆ กับคิดว่า“ฉันสุดยอดจริงๆ และกฎแห่งชีวิตนี้!” #คุณจะไม่สามารถรักษาการสั่นสะเทือนเชิงลบได้ การอยู่อย่างหดหู่อาจต้องใช้เวลา #แต่การดึงตัวเองออกจากความตกต่ำอาจเป็นเรื่องยาก บ่อยครั้งที่เรายึดติดกับความคิด อารมณ์ การเสพติด ความเกลียดชัง และพฤติกรรมเชิงลบเพราะมันทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวา เราเข้าใจผิดว่าความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกถึงพลังและยังคงป้อนมันต่อไปเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่ทำให้เราแยกออกจากส่วนรวม #การเลือกก้าวสู่ความสามัคคีไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป แต่เป็นสิ่งที่ฉลาดที่สุดที่คุณสามารถทำได้ อารมณ์เชิงลบของเราไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัวบ่อยครั้งที่เรารู้สึกได้เพียงเพราะเรากำลังขยับไปสู่การสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น ในตอนแรก การเปลี่ยนแปลงในความสั่นสะเทือนและมุมมองอาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แต่ถ้าเราเข้าสู่ช่วงเวลานั้น เราจะเห็นว่าเราอยู่ในจุดที่เราจะต้องอยู่พอดี หากความเศร้ายังคงอยู่ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าคุณกำลังยึดติดกับมันและป้อนมันด้วยความคิดเชิงลบ ออกไปข้างนอก!วางเท้าของคุณบนพื้นโลก กอดต้นไม้เชื่อมต่อกับแม่ธรรมชาติ!กลบพลังงานจิตของคุณและทำให้จักระของคุณสมดุลทันที
กฎ 10 ประการของชีวิต #ในการตามหาจิตวิญญาณ1.ค้นหาจิตของพระพุทธเจ้าในตน2. บ่มเพาะความเมตตา 3.หยุดแสวงหาการอนุมัติจากผู้อื่น 4.เปิดใจรับความลึกลับของชีวิต 5.เปลี่ยนความทุกข์ของคุณ 6.ระวังร่างกายของคุณ 7.รักษาเสถียรภาพการเพาะปลูกของคุณ 8กำจัดความโกรธ 9.ฝึกสมาธิ 10.ความเชื่อมั่น “#หากคุณต้องการที่จะสัมผัสความสงบจงให้ความสงบสุขแก่ผู้อื่น” “
ประติศรณะ 4″ ได้แก่ 1) พึ่งธรรม ไม่พึ่งบุคคล2) พึ่งความหมาย ไม่พึ่งถ้อยคำ(พึ่งอรรถ ไม่พึ่งพยัญชนะ)3) พึ่งญาณรู้แจ้ง ไม่พึ่งสำนึกรู้อันแบ่งแยก(พึ่งญาณ ไม่พึ่งวิญญาณ)4) พึ่งพระสูตรที่มีเนื้อหาตรงตัว ไม่พึ่งพระสูตรที่มีนัยต้องตีความ #พึ่งญาณรู้แจ้ง ไม่พึ่งสำนึกรู้อันแบ่งแยก” พึ่งญาณ ไม่พึ่งวิญญาณคือความรู้อันเกิดจากการภาวนาและมองตรงเข้าไปในสิ่งนั้นๆ ด้วยจิตที่สงบและเห็นตามเป็นจริง เรียกว่า “ญาณ” จึงจะเป็นความรู้ที่สามารถพึ่งพิงเอาได้ในการมองเห็นความจริง แต่ความรู้ตามสามัญสำนึกที่เจือปนด้วยความไม่รู้ (อวิชชา) และการแบ่งแยกด้วยความหลงซึ่งทำให้มุมมองนั้นถูกเบี่ยงเบน เรียกว่า “วิญญาณ” ไม่อาจใช้เพื่อตัดสินความจริงได้เลย ผู้พบเจอเทวดาประจำตัวทุกท่านโดยเฉพาะนักเรียนประจำ ต้องมีการสอบญาณจากครูผู้สอน เพื่อประเมินผลความก้าวหน้าบางคนต้องใช้เวลานับปีจึงได้คำตอบว่า#มุสา สิ่งเหล่านี้ปรากฏมาจากจิตใต้สำนึกของผู้ฝึกฝนและครูผู้สอนพยายามชี้ให้เห็นในจิตสำนึกปัจจุบันและใช้เวลาในการปรับปรุงตนหากไม่มีโอกาสปรับปรุงตนและไม่รู้ตนดวงวิญญาณดวงนี้ก็จะอยู่ในพันธสัญญาดวงเดิมเป็นเหตุผลถึงความไม่ก้าวหน้าในการฝึกดวงวิญญาณทุกภพชาติทำให้สูญเปล่ากับเส้นทางการฝึกฝนและการเกิด #เทวดาประจำตัว