เรื่องบางเรื่องคนบางคนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดี

เรื่องบางเรื่องคนบางคนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดี แต่เมื่อนึกถึงคราใดก็หัวเราะได้ทุกทีอย่าหาเหตุผลในเรื่องที่ไม่มีคำอธิบายครูมีความสุขได้กับลูกศิษย์ทุกๆคนที่ผ่านเข้ามาพบครูรักทุกคนเพียงไว้แต่ …..แค่ปัจจุบัน
เรื่องบางเรื่องคนบางคนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดี แต่เมื่อนึกถึงคราใดก็หัวเราะได้ทุกทีอย่าหาเหตุผลในเรื่องที่ไม่มีคำอธิบายครูมีความสุขได้กับลูกศิษย์ทุกๆคนที่ผ่านเข้ามาพบครูรักทุกคนเพียงไว้แต่ …..แค่ปัจจุบัน
#เดินดงนาควัตร ครั้งที่ 18/2021 #บ้านปางปอยเส้นทางขึ้นดอยอ่างขาง2-3 ธ.ค.2021 ขอบคุณทีมงานและผู้สร้างทุกๆท่านครูไม่รู้จะพูดสิ่งใด #ให้ภาพเล่าเรื่อง๙ #เพิ่มพูนบุญวาสนา1.เป็นผู้ที่ไม่ละทิ้งสัจธรรม2.เป็นผู้ที่ไม่ละทิ้งโพธิจิต3.เป็นผู้ที่ไม่ตระหนี่ธรรม4.เป็นผู้ที่ไม่ประทุษร้ายสรรพสัตว์5.พ้นจากกรรมที่เคยทำลายสถูป และวัดวาอาราม6.พ้นจากกรรมที่เคยชักชวนให้ผู้อื่นจาบจ้วงพระธรรม7.พ้นจากกรรมที่เคยทำร้ายพระสงฆ์8.พ้นจากอนัตริยกรรมทั้งห้า9.พ้นจากกรรมที่เคยสอนให้ผู้อื่นทำชั่ว#?????????วิทยฐานะ #อัครบุคคลแห่งชาติ (พรหมนาคา) ประจำปี 2564 สาขา ผู้ส่งเสริมเผยแผ่ศาสนาดีเด่น #ทูตวัฒนธรรม (ต้นแบบสังคมบุคคลของชาติ) ประจำปี 2564 โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย สืบสานสู่ประชาคมอาเซียน สาขา ด้าน ส่งเสริมศาสนาดีเด่น
#สุขลักษณะทางจิตวิญญาณ#จิตใต้สำนึก ของคุณเป็นแหล่งสะสมวาสนาสัญญาเดิมที่คุณมีบุญตามวาสนาเก่าและรวมถึงการสะสมวิธีการคิดและวาสนาใหม่ปัจจุบันที่คุณไม่มีโอกาสได้เข้าใจวิธีการทำงานของจิตใต้สำนึกนี้ จิตใต้สำนึกเป็นตัวบงการชั้นสุดท้ายของจิตที่จะบ่งบอกพฤติกรรมนิสัยของดวงวิญญาณที่จะบรรลุธรรม #ลึกที่สุดในชั้นของจิตใต้สำนึกต้องถูกปรากฏผ่านออกมา ให้จิตสำนึกปัจจุบันของเรารับรู้ถึงนิสัยที่นอนเนืองให้ได้มากที่สุดโดยวิธีการฝึกฝนจิต การปฎิบัติธรรมและการเข้าคอร์สจิตวิญญาณอื่นๆ #มีกฎการใช้พลังจิตใต้สำนึกตัวอย่างหลายรายการดังนี้ 1. ต้องรู้จัก การทำงานของมัน2. คัดกรองบุคคลที่คุณจะอนุญาตให้เข้าพื้นที่ชีวิต3. ใช้เวลาในการคบหาผู้คน4. จิตสำนึก ที่ยังไม่ผ่านการฝึกฝนดวงวิญญาณจะไม่สามารถต้านทานพลังงานจิตใต้สำนึกเชิงลบได้ บุคคลเหล่านั้นจะปรากฏนิสัยการทำร้ายจิตใจการกระทำเรื่องเดิมๆซ้ำๆที่เป็นสันดานที่หนาแน่น5. อริยะครูบาอาจารย์ทั้งหลายใช้จิตใต้สำนึกที่เป็นคลังมหาปัญญาเป็นส่วนใหญ่จากการฝึกฝนรูปภายในและเรียนรู้จิตสำนึกปัจจุบันให้ควบคู่กับแหล่งปัญญามหาปัญญา6. จิตใต้สำนึกของคุณเป็นเช่นไรปัจจุบันนี้คือสิ่งที่คุณเป็นอยู่7. จิตใต้สำนึกเมื่อสะสมเรื่องราวที่ดีกว่าและเรื่องที่เป็นอกุศลกว่าจะสร้างพลังจิตใต้สำนึกและช่วยให้ดีดดวงวิญญาณดวงนี้สู่การเปลี่ยนภพ หรือเรียกว่าย้ายจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง8. จิตใต้สำนึกไม่มีสมองของตัวเองเก็บสะสมทุกเรื่อง9. วิธีป้องกันขยะทางจิตเริ่มต้นจากการใช้เกราะป้องกันและวิจารณญาณตั้งแต่จุดเริ่มต้นรับข้อมูลจากตาที่สาม10. จิตใต้สำนึกเป็นนามเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่ปรากฏเป็นพฤติกรรมนิสัยของบุคคลนั้นนั้น11. คำว่าอย่าไว้ใจตนเองให้มากนั่นก็คืออย่าไว้ใจในจิตใต้สำนึกของตนเอง12. จิตสำนึกดวงวิญญาณที่ผ่านการฝึกฝนแล้วจะเผาขยะทางจิตใต้สำนึกให้หมดสิ้นไปและสามารถดับสัญญาในจิตใต้สำนึกนี่ได้นั่นคือขั้นตอนสุดท้ายของการสิ้นสุดการเป็นดวงวิญญาณ13.เรื่องที่คุณพูดคุย (ถ้าอยากมีปัญญา)ก็ต้องพูดคุยเรื่องการพัฒนาตนเองอยากบรรลุหลุดพ้น ต้องพูดคุยเรื่องแนวทางการปฏิบัติดวงวิญญาณ #จิตใต้สำนึกสำคัญขนาดนี้คุณควรดูแลสุขลักษณะทางจิตวิญญาณของคุณให้ดี จิตดี = จิตสำนึกดีทำดี= จิตใต้สำนึกดีรู้ผิดชอบชั่วดี= จิตสำนึกดีดีประพฤติไม่ดีฉ้อโกงลักทรัพย์ หลอกลวง= จิตสำนึกไม่ดี , จิตใต้สำนึกไม่ดี อวดดื้อถือดีหยิ่งยโสโอหัง= จิตสำนึกไม่ดี ,จิตใต้สำนึกไม่ดี คิดไม่ดีต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์= จิตสำนึกไม่ดีจิต, จิตใต้สำนึกไม่ดี ไม่มีความอดทนต่อสิ่งใดเรียนอะไรก็ไม่บรรลุผล= จิตสำนึกไม่ดี ไม่สามารถต้านทานพลังลบจากจิตใต้สำนึกได้ อตัญญู = จิตใต้สำนึกไม่ดี ,จิตสำนึกไม่ดี #ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผู้รู้สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้
เทวดาประจำตัวตอบว่ามีจริง แล้วคืออะไร การอธิบายในเนื้อหานี้ คือรูปธรรมทางพลังงานชนิดหนึ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณซึ่งเป็นแก่นแท้ของมนุษย์ คำว่าเทวดาประจำตัวถูกจำกัดความในความหมายของภาษาเรียก เพียงเท่านั้น และแนวการปฏิบัติของสิ่งที่ถูกเรียกชื่อหรือความเชื่อ ทั้งหมดนี้จะสามรถไขปริศนาได้ให้ท่านได้เมื่อท่านได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งพลังงาน หรือมีโอกาส ได้รู้จักเทวดาประจำตัว แล้วเท่านั้น ท่านจึงจะทราบความหมายของสิ่งๆนั้น ได้ด้วยตัวท่านเอง
#อารมณ์เรียนสดๆ ไม่ออนไลน์ก็ประมาณนี้เลย Camp 45จิตวิญญาณเชื่อมโยงกับ “ความเป็นมนุษย์” ซึ่งมีพื้นฐานของคุณค่าทางจิตวิญญาณ ความสงบ ความรักและความสุข แต่บางคนกลับขับเคลื่อนตัวเองไปด้วยแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว คาดหวังที่จะได้รับมากกว่าจะชื่นชมกับความงดงามของการเป็นผู้ให้ บางคนไขว่คว้าราวกับว่าชีวิตแสนว่างเปล่า บ้างก็แสวงหาเหมือนไม่เคยรู้จักคำว่า “พอ” คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์นี้จะช่วยดึงคุณกลับมาสู่ความเป็นธรรมชาติอีกครั้ง อภิญญาที่เกิดขึ้นหลังจากเรียกบารมีมาแล้วไม่ได้แสดงว่าเราเป็นผู้วิเศษอยู่เหนือผู้อื่น เรามีได้ คนอื่นก็มีได้และอาจจะมีมาก กว่าเราด้วยซ้ำ(เหมือนเรามีมือถือใช้คนอื่นๆก็มีเช่นกันอาจจะดีกว่าที่เราใช้อยู่) #ให้มีสติเตือนตัวเองเสมอไม่หลงตัวเองและไม่ดูถูกผู้อื่น
สติ 3 ระดับ > (#คุณมีสติระดับไหน)สติมีด้วยกัน 3 ระดับ1. #สติระดับควบคุมความคิดสติระดับนี้เป็นสติขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ต้องใช้เพื่อดำรงชีวิตประจำวัน เป็นสติที่มีอยู่แล้วในสัตว์โลกตั้งแต่มนุษย์ขึ้นไป เป็นสติที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงาน ความสัมพันธ์ และการแสดงออกให้เหมาะสมกับกาลเทศะ เช่น นึกว่า “ขณะนี้เรากำลังทำงานอยู่ ก็ต้องตั้งใจทำงาน” หรือนึกว่า “เราไม่ควรไปโกรธเขาเลย ให้อภัยเขาจะดีกว่า จะได้ไม่มีเรื่องติดใจต่อกัน” การฉุกคิดในลักษณะนี้ ล้วนเกิดจากการใช้สติในการควบคุมความคิดทั้งสิ้น》สติระดับที่หนึ่งเป็นสติที่ทำให้เรากลายเป็นผู้มองโลกในแง่ดี ถ้าใช้สติระดับที่หนึ่งบ่อยๆ ชีวิตในโลกภายนอกก็จะพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ2. #สติระดับเห็นความคิดสติระดับนี้เป็นสติที่พระพุทธเจ้าทรงคิดขึ้นมาเป็นคนแรก เป็นการกำหนดสมาธิ วางใจให้เป็นกลาง แล้วจึงใช้สติดึงจิตให้หลุดจากความคิดมาเป็นผู้สังเกต การฝึกสติเช่นนี้บ่อยๆ จะทำให้กลายเป็นผู้เท่าทันความคิด สามารถเห็นการเกิดขึ้นและดับไปของความคิด ทำให้อยู่เหนืออารมณ์ของตนเองได้ ความทุกข์ต่างๆ จะน้อยลง ความสุขจะเพิ่มขึ้น อัตตาตัวตนจะทุเลาเบา ถ้าฝึกสติในระดับนี้เป็นประจำ สติในระดับแรกก็จะเกิดง่ายขึ้น 》สติระดับที่สองนี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ จำเป็นต้องผ่านกระบวนการฝึกจิตอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่การฝึกวิปัสสนากรรมฐานเป็นต้น3. #สติระดับเหนือความคิด (มหาสติมหาปัญญา)สติระดับที่สามนี้ เป็นสติที่ก่อให้เกิดปัญญาทะลุโลก เป็นสติที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝนสติในระดับที่สองจนเกิดความชำนาญ สติระดับมหาสติมหาปัญญานี้ ไม่จำเป็นต้องใช้การฉุกคิด เพราะเป็นสติที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานเหมือนสายน้ำไหล ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันลืม ไม่มีวันเผลอ ไม่มีคำว่าขาดช่วงขาดตอน กล่าวคือเป็นสติที่มีความเร็ว จนสามารถเห็นว่าความคิดและความรู้สึกมีกระบวนการทำงานอย่างไร…
#การเปิดญาณบารมี#และการเพิ่มและการรับพลังจิต บุคคลที่มีสมาธิดีจะมีคลื่นความถี่ และความรุนแรงของพลังงานความคิดสูง สามารถที่จะส่งพลังงานนั้น ไปยังบุคคลที่ตั้งเป้าหมาย ไว้ได้แน่ชัดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวผู้รับได้ตามความปราถนานั้น #เรียกว่าการเพิ่มและการรับพลังจิตการเพิ่มแต่ละครั้ง แต่ละคนไม่เหมือนกัน เพิ่มพลังจิต แต่ละครั้งนาน เท่าใด ผู้เพิ่มพลังจิตจะทราบได้ในสมาธิจิตนั้นหากผู้รับยังรับได้ ก็เพิ่มให้ต่อไปหากเห็นว่า พลังจิต #ที่ส่งไปนั้นหยุดลงก็หยุดเพิ่มพลังจิตในครั้งนั้น และต้องเพิ่มพลังจิตกี่ครั้งจึงจะได้ผลสิ่งนี้ไม่มีกำหนด แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้รับ หากผู้รับสามารถรับพลังจิตได้มาก และเห็นว่าอวัยวะที่ผิดปกตินั้น เปลี่ยนเป็น ปกติเร็ว พลังจิตที่ส่งไปจะหยุดลง ควรหยุดเพิ่มพลังจิตให้ผู้รับพลังกลับไปทำสมาธิภาวนาด้วยตนเอง ผู้รับพลังจะสร้างพลังจิตที่ดีขึ้นมาได้ พลังจิตนั้นๆ จะบำบัดทุกข์ให้ได้ในที่สุด #การเพิ่มพลังจิตกระทำได้ 3 ทางคือ 1. เพิ่มที่อวัยวะนั้นโดยตรง2. เพิ่มที่จุดกำเนิดของพลังจิต คือที่ต่อมไพเนียล3. เพิ่มพลังจิตให้ครอบคลุมทั้งตัวผู้รับ จะเพิ่มให้ใครที่อวัยวะใดนั้นจะทราบและเห็นได้ในสมาธินั้นๆ #ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดี ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้คือเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา และเมื่อเพิ่มพลังจิตให้กับใครก็ตามต้องรู้ทุกข์ รู้สาเหตุแห่งทุกข์ รู้หนทางดับทุกข์ และรู้วิธีการดับทุกข์นั้นๆโดยชัดแจ้งพร้อมตั้งตนอยู่ในพรหมวิหารธรรม และหิริโอตัปปธรรม #ผู้รับพลังจิตที่ดี คือ เป็นผู้ที่มี1. ศรัทธา ผู้รับต้องมีศรัทธาที่จะรับพลังจิต2. สมาธิ ผู้รับต้องมีความตั้งมั่นแห่งจิตอยู่กับกายและจิตของตน3. สติ ผู้รับต้องมีความระลึกได้ว่าตนกำลังรับพลังจิตอยู่4. ปัญญา ผู้รับต้องรู้จักการปล่อยวางความทุกข์ออกจากจิตใจในขณะนั้น5. ความขยันหมั่นเพียร การรับพลังจิตนั้นต้องรับสม่ำเสมอและให้ตั้งอยู่ในคำสอนของพุทธองค์เป็นหลัก ดังกล่าวแล้ว…
#เดินดงนาควัตร ครั้งที่ 18/2021 #บ้านปางปอยเส้นทางขึ้นดอยอ่างขาง2-3 ธ.ค.2021 ขอบคุณทีมงานและผู้สร้างทุกๆท่านครูไม่รู้จะพูดสิ่งใด #ให้ภาพเล่าเรื่อง๙ #เพิ่มพูนบุญวาสนา1.เป็นผู้ที่ไม่ละทิ้งสัจธรรม2.เป็นผู้ที่ไม่ละทิ้งโพธิจิต3.เป็นผู้ที่ไม่ตระหนี่ธรรม4.เป็นผู้ที่ไม่ประทุษร้ายสรรพสัตว์5.พ้นจากกรรมที่เคยทำลายสถูป และวัดวาอาราม6.พ้นจากกรรมที่เคยชักชวนให้ผู้อื่นจาบจ้วงพระธรรม7.พ้นจากกรรมที่เคยทำร้ายพระสงฆ์8.พ้นจากอนัตริยกรรมทั้งห้า9.พ้นจากกรรมที่เคยสอนให้ผู้อื่นทำชั่ว#?????????วิทยฐานะ #อัครบุคคลแห่งชาติ (พรหมนาคา) ประจำปี 2564 สาขา ผู้ส่งเสริมเผยแผ่ศาสนาดีเด่น #ทูตวัฒนธรรม (ต้นแบบสังคมบุคคลของชาติ) ประจำปี 2564 โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย สืบสานสู่ประชาคมอาเซียน สาขา ด้าน ส่งเสริมศาสนาดีเด่น
#สุขลักษณะทางจิตวิญญาณ#จิตใต้สำนึก ของคุณเป็นแหล่งสะสมวาสนาสัญญาเดิมที่คุณมีบุญตามวาสนาเก่าและรวมถึงการสะสมวิธีการคิดและวาสนาใหม่ปัจจุบันที่คุณไม่มีโอกาสได้เข้าใจวิธีการทำงานของจิตใต้สำนึกนี้ จิตใต้สำนึกเป็นตัวบงการชั้นสุดท้ายของจิตที่จะบ่งบอกพฤติกรรมนิสัยของดวงวิญญาณที่จะบรรลุธรรม #ลึกที่สุดในชั้นของจิตใต้สำนึกต้องถูกปรากฏผ่านออกมา ให้จิตสำนึกปัจจุบันของเรารับรู้ถึงนิสัยที่นอนเนืองให้ได้มากที่สุดโดยวิธีการฝึกฝนจิต การปฎิบัติธรรมและการเข้าคอร์สจิตวิญญาณอื่นๆ #มีกฎการใช้พลังจิตใต้สำนึกตัวอย่างหลายรายการดังนี้ 1. ต้องรู้จัก การทำงานของมัน2. คัดกรองบุคคลที่คุณจะอนุญาตให้เข้าพื้นที่ชีวิต3. ใช้เวลาในการคบหาผู้คน4. จิตสำนึก ที่ยังไม่ผ่านการฝึกฝนดวงวิญญาณจะไม่สามารถต้านทานพลังงานจิตใต้สำนึกเชิงลบได้ บุคคลเหล่านั้นจะปรากฏนิสัยการทำร้ายจิตใจการกระทำเรื่องเดิมๆซ้ำๆที่เป็นสันดานที่หนาแน่น5. อริยะครูบาอาจารย์ทั้งหลายใช้จิตใต้สำนึกที่เป็นคลังมหาปัญญาเป็นส่วนใหญ่จากการฝึกฝนรูปภายในและเรียนรู้จิตสำนึกปัจจุบันให้ควบคู่กับแหล่งปัญญามหาปัญญา6. จิตใต้สำนึกของคุณเป็นเช่นไรปัจจุบันนี้คือสิ่งที่คุณเป็นอยู่7. จิตใต้สำนึกเมื่อสะสมเรื่องราวที่ดีกว่าและเรื่องที่เป็นอกุศลกว่าจะสร้างพลังจิตใต้สำนึกและช่วยให้ดีดดวงวิญญาณดวงนี้สู่การเปลี่ยนภพ หรือเรียกว่าย้ายจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง8. จิตใต้สำนึกไม่มีสมองของตัวเองเก็บสะสมทุกเรื่อง9. วิธีป้องกันขยะทางจิตเริ่มต้นจากการใช้เกราะป้องกันและวิจารณญาณตั้งแต่จุดเริ่มต้นรับข้อมูลจากตาที่สาม10. จิตใต้สำนึกเป็นนามเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่ปรากฏเป็นพฤติกรรมนิสัยของบุคคลนั้นนั้น11. คำว่าอย่าไว้ใจตนเองให้มากนั่นก็คืออย่าไว้ใจในจิตใต้สำนึกของตนเอง12. จิตสำนึกดวงวิญญาณที่ผ่านการฝึกฝนแล้วจะเผาขยะทางจิตใต้สำนึกให้หมดสิ้นไปและสามารถดับสัญญาในจิตใต้สำนึกนี่ได้นั่นคือขั้นตอนสุดท้ายของการสิ้นสุดการเป็นดวงวิญญาณ13.เรื่องที่คุณพูดคุย (ถ้าอยากมีปัญญา)ก็ต้องพูดคุยเรื่องการพัฒนาตนเองอยากบรรลุหลุดพ้น ต้องพูดคุยเรื่องแนวทางการปฏิบัติดวงวิญญาณ #จิตใต้สำนึกสำคัญขนาดนี้คุณควรดูแลสุขลักษณะทางจิตวิญญาณของคุณให้ดี จิตดี = จิตสำนึกดีทำดี= จิตใต้สำนึกดีรู้ผิดชอบชั่วดี= จิตสำนึกดีดีประพฤติไม่ดีฉ้อโกงลักทรัพย์ หลอกลวง= จิตสำนึกไม่ดี , จิตใต้สำนึกไม่ดี อวดดื้อถือดีหยิ่งยโสโอหัง= จิตสำนึกไม่ดี ,จิตใต้สำนึกไม่ดี คิดไม่ดีต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์= จิตสำนึกไม่ดีจิต, จิตใต้สำนึกไม่ดี ไม่มีความอดทนต่อสิ่งใดเรียนอะไรก็ไม่บรรลุผล= จิตสำนึกไม่ดี ไม่สามารถต้านทานพลังลบจากจิตใต้สำนึกได้ อตัญญู = จิตใต้สำนึกไม่ดี ,จิตสำนึกไม่ดี #ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผู้รู้สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้
เทวดาประจำตัวตอบว่ามีจริง แล้วคืออะไร การอธิบายในเนื้อหานี้ คือรูปธรรมทางพลังงานชนิดหนึ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณซึ่งเป็นแก่นแท้ของมนุษย์ คำว่าเทวดาประจำตัวถูกจำกัดความในความหมายของภาษาเรียก เพียงเท่านั้น และแนวการปฏิบัติของสิ่งที่ถูกเรียกชื่อหรือความเชื่อ ทั้งหมดนี้จะสามรถไขปริศนาได้ให้ท่านได้เมื่อท่านได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งพลังงาน หรือมีโอกาส ได้รู้จักเทวดาประจำตัว แล้วเท่านั้น ท่านจึงจะทราบความหมายของสิ่งๆนั้น ได้ด้วยตัวท่านเอง
#อารมณ์เรียนสดๆ ไม่ออนไลน์ก็ประมาณนี้เลย Camp 45จิตวิญญาณเชื่อมโยงกับ “ความเป็นมนุษย์” ซึ่งมีพื้นฐานของคุณค่าทางจิตวิญญาณ ความสงบ ความรักและความสุข แต่บางคนกลับขับเคลื่อนตัวเองไปด้วยแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว คาดหวังที่จะได้รับมากกว่าจะชื่นชมกับความงดงามของการเป็นผู้ให้ บางคนไขว่คว้าราวกับว่าชีวิตแสนว่างเปล่า บ้างก็แสวงหาเหมือนไม่เคยรู้จักคำว่า “พอ” คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์นี้จะช่วยดึงคุณกลับมาสู่ความเป็นธรรมชาติอีกครั้ง อภิญญาที่เกิดขึ้นหลังจากเรียกบารมีมาแล้วไม่ได้แสดงว่าเราเป็นผู้วิเศษอยู่เหนือผู้อื่น เรามีได้ คนอื่นก็มีได้และอาจจะมีมาก กว่าเราด้วยซ้ำ(เหมือนเรามีมือถือใช้คนอื่นๆก็มีเช่นกันอาจจะดีกว่าที่เราใช้อยู่) #ให้มีสติเตือนตัวเองเสมอไม่หลงตัวเองและไม่ดูถูกผู้อื่น
สติ 3 ระดับ > (#คุณมีสติระดับไหน)สติมีด้วยกัน 3 ระดับ1. #สติระดับควบคุมความคิดสติระดับนี้เป็นสติขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ต้องใช้เพื่อดำรงชีวิตประจำวัน เป็นสติที่มีอยู่แล้วในสัตว์โลกตั้งแต่มนุษย์ขึ้นไป เป็นสติที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงาน ความสัมพันธ์ และการแสดงออกให้เหมาะสมกับกาลเทศะ เช่น นึกว่า “ขณะนี้เรากำลังทำงานอยู่ ก็ต้องตั้งใจทำงาน” หรือนึกว่า “เราไม่ควรไปโกรธเขาเลย ให้อภัยเขาจะดีกว่า จะได้ไม่มีเรื่องติดใจต่อกัน” การฉุกคิดในลักษณะนี้ ล้วนเกิดจากการใช้สติในการควบคุมความคิดทั้งสิ้น》สติระดับที่หนึ่งเป็นสติที่ทำให้เรากลายเป็นผู้มองโลกในแง่ดี ถ้าใช้สติระดับที่หนึ่งบ่อยๆ ชีวิตในโลกภายนอกก็จะพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ2. #สติระดับเห็นความคิดสติระดับนี้เป็นสติที่พระพุทธเจ้าทรงคิดขึ้นมาเป็นคนแรก เป็นการกำหนดสมาธิ วางใจให้เป็นกลาง แล้วจึงใช้สติดึงจิตให้หลุดจากความคิดมาเป็นผู้สังเกต การฝึกสติเช่นนี้บ่อยๆ จะทำให้กลายเป็นผู้เท่าทันความคิด สามารถเห็นการเกิดขึ้นและดับไปของความคิด ทำให้อยู่เหนืออารมณ์ของตนเองได้ ความทุกข์ต่างๆ จะน้อยลง ความสุขจะเพิ่มขึ้น อัตตาตัวตนจะทุเลาเบา ถ้าฝึกสติในระดับนี้เป็นประจำ สติในระดับแรกก็จะเกิดง่ายขึ้น 》สติระดับที่สองนี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ จำเป็นต้องผ่านกระบวนการฝึกจิตอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่การฝึกวิปัสสนากรรมฐานเป็นต้น3. #สติระดับเหนือความคิด (มหาสติมหาปัญญา)สติระดับที่สามนี้ เป็นสติที่ก่อให้เกิดปัญญาทะลุโลก เป็นสติที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝนสติในระดับที่สองจนเกิดความชำนาญ สติระดับมหาสติมหาปัญญานี้ ไม่จำเป็นต้องใช้การฉุกคิด เพราะเป็นสติที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานเหมือนสายน้ำไหล ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันลืม ไม่มีวันเผลอ ไม่มีคำว่าขาดช่วงขาดตอน กล่าวคือเป็นสติที่มีความเร็ว จนสามารถเห็นว่าความคิดและความรู้สึกมีกระบวนการทำงานอย่างไร…
#การเปิดญาณบารมี#และการเพิ่มและการรับพลังจิต บุคคลที่มีสมาธิดีจะมีคลื่นความถี่ และความรุนแรงของพลังงานความคิดสูง สามารถที่จะส่งพลังงานนั้น ไปยังบุคคลที่ตั้งเป้าหมาย ไว้ได้แน่ชัดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวผู้รับได้ตามความปราถนานั้น #เรียกว่าการเพิ่มและการรับพลังจิตการเพิ่มแต่ละครั้ง แต่ละคนไม่เหมือนกัน เพิ่มพลังจิต แต่ละครั้งนาน เท่าใด ผู้เพิ่มพลังจิตจะทราบได้ในสมาธิจิตนั้นหากผู้รับยังรับได้ ก็เพิ่มให้ต่อไปหากเห็นว่า พลังจิต #ที่ส่งไปนั้นหยุดลงก็หยุดเพิ่มพลังจิตในครั้งนั้น และต้องเพิ่มพลังจิตกี่ครั้งจึงจะได้ผลสิ่งนี้ไม่มีกำหนด แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้รับ หากผู้รับสามารถรับพลังจิตได้มาก และเห็นว่าอวัยวะที่ผิดปกตินั้น เปลี่ยนเป็น ปกติเร็ว พลังจิตที่ส่งไปจะหยุดลง ควรหยุดเพิ่มพลังจิตให้ผู้รับพลังกลับไปทำสมาธิภาวนาด้วยตนเอง ผู้รับพลังจะสร้างพลังจิตที่ดีขึ้นมาได้ พลังจิตนั้นๆ จะบำบัดทุกข์ให้ได้ในที่สุด #การเพิ่มพลังจิตกระทำได้ 3 ทางคือ 1. เพิ่มที่อวัยวะนั้นโดยตรง2. เพิ่มที่จุดกำเนิดของพลังจิต คือที่ต่อมไพเนียล3. เพิ่มพลังจิตให้ครอบคลุมทั้งตัวผู้รับ จะเพิ่มให้ใครที่อวัยวะใดนั้นจะทราบและเห็นได้ในสมาธินั้นๆ #ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดี ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้คือเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา และเมื่อเพิ่มพลังจิตให้กับใครก็ตามต้องรู้ทุกข์ รู้สาเหตุแห่งทุกข์ รู้หนทางดับทุกข์ และรู้วิธีการดับทุกข์นั้นๆโดยชัดแจ้งพร้อมตั้งตนอยู่ในพรหมวิหารธรรม และหิริโอตัปปธรรม #ผู้รับพลังจิตที่ดี คือ เป็นผู้ที่มี1. ศรัทธา ผู้รับต้องมีศรัทธาที่จะรับพลังจิต2. สมาธิ ผู้รับต้องมีความตั้งมั่นแห่งจิตอยู่กับกายและจิตของตน3. สติ ผู้รับต้องมีความระลึกได้ว่าตนกำลังรับพลังจิตอยู่4. ปัญญา ผู้รับต้องรู้จักการปล่อยวางความทุกข์ออกจากจิตใจในขณะนั้น5. ความขยันหมั่นเพียร การรับพลังจิตนั้นต้องรับสม่ำเสมอและให้ตั้งอยู่ในคำสอนของพุทธองค์เป็นหลัก ดังกล่าวแล้ว…
#เดินดงนาควัตร ครั้งที่ 18/2021 #บ้านปางปอยเส้นทางขึ้นดอยอ่างขาง2-3 ธ.ค.2021 ขอบคุณทีมงานและผู้สร้างทุกๆท่านครูไม่รู้จะพูดสิ่งใด #ให้ภาพเล่าเรื่อง๙ #เพิ่มพูนบุญวาสนา1.เป็นผู้ที่ไม่ละทิ้งสัจธรรม2.เป็นผู้ที่ไม่ละทิ้งโพธิจิต3.เป็นผู้ที่ไม่ตระหนี่ธรรม4.เป็นผู้ที่ไม่ประทุษร้ายสรรพสัตว์5.พ้นจากกรรมที่เคยทำลายสถูป และวัดวาอาราม6.พ้นจากกรรมที่เคยชักชวนให้ผู้อื่นจาบจ้วงพระธรรม7.พ้นจากกรรมที่เคยทำร้ายพระสงฆ์8.พ้นจากอนัตริยกรรมทั้งห้า9.พ้นจากกรรมที่เคยสอนให้ผู้อื่นทำชั่ว#?????????วิทยฐานะ #อัครบุคคลแห่งชาติ (พรหมนาคา) ประจำปี 2564 สาขา ผู้ส่งเสริมเผยแผ่ศาสนาดีเด่น #ทูตวัฒนธรรม (ต้นแบบสังคมบุคคลของชาติ) ประจำปี 2564 โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย สืบสานสู่ประชาคมอาเซียน สาขา ด้าน ส่งเสริมศาสนาดีเด่น
#สุขลักษณะทางจิตวิญญาณ#จิตใต้สำนึก ของคุณเป็นแหล่งสะสมวาสนาสัญญาเดิมที่คุณมีบุญตามวาสนาเก่าและรวมถึงการสะสมวิธีการคิดและวาสนาใหม่ปัจจุบันที่คุณไม่มีโอกาสได้เข้าใจวิธีการทำงานของจิตใต้สำนึกนี้ จิตใต้สำนึกเป็นตัวบงการชั้นสุดท้ายของจิตที่จะบ่งบอกพฤติกรรมนิสัยของดวงวิญญาณที่จะบรรลุธรรม #ลึกที่สุดในชั้นของจิตใต้สำนึกต้องถูกปรากฏผ่านออกมา ให้จิตสำนึกปัจจุบันของเรารับรู้ถึงนิสัยที่นอนเนืองให้ได้มากที่สุดโดยวิธีการฝึกฝนจิต การปฎิบัติธรรมและการเข้าคอร์สจิตวิญญาณอื่นๆ #มีกฎการใช้พลังจิตใต้สำนึกตัวอย่างหลายรายการดังนี้ 1. ต้องรู้จัก การทำงานของมัน2. คัดกรองบุคคลที่คุณจะอนุญาตให้เข้าพื้นที่ชีวิต3. ใช้เวลาในการคบหาผู้คน4. จิตสำนึก ที่ยังไม่ผ่านการฝึกฝนดวงวิญญาณจะไม่สามารถต้านทานพลังงานจิตใต้สำนึกเชิงลบได้ บุคคลเหล่านั้นจะปรากฏนิสัยการทำร้ายจิตใจการกระทำเรื่องเดิมๆซ้ำๆที่เป็นสันดานที่หนาแน่น5. อริยะครูบาอาจารย์ทั้งหลายใช้จิตใต้สำนึกที่เป็นคลังมหาปัญญาเป็นส่วนใหญ่จากการฝึกฝนรูปภายในและเรียนรู้จิตสำนึกปัจจุบันให้ควบคู่กับแหล่งปัญญามหาปัญญา6. จิตใต้สำนึกของคุณเป็นเช่นไรปัจจุบันนี้คือสิ่งที่คุณเป็นอยู่7. จิตใต้สำนึกเมื่อสะสมเรื่องราวที่ดีกว่าและเรื่องที่เป็นอกุศลกว่าจะสร้างพลังจิตใต้สำนึกและช่วยให้ดีดดวงวิญญาณดวงนี้สู่การเปลี่ยนภพ หรือเรียกว่าย้ายจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง8. จิตใต้สำนึกไม่มีสมองของตัวเองเก็บสะสมทุกเรื่อง9. วิธีป้องกันขยะทางจิตเริ่มต้นจากการใช้เกราะป้องกันและวิจารณญาณตั้งแต่จุดเริ่มต้นรับข้อมูลจากตาที่สาม10. จิตใต้สำนึกเป็นนามเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่ปรากฏเป็นพฤติกรรมนิสัยของบุคคลนั้นนั้น11. คำว่าอย่าไว้ใจตนเองให้มากนั่นก็คืออย่าไว้ใจในจิตใต้สำนึกของตนเอง12. จิตสำนึกดวงวิญญาณที่ผ่านการฝึกฝนแล้วจะเผาขยะทางจิตใต้สำนึกให้หมดสิ้นไปและสามารถดับสัญญาในจิตใต้สำนึกนี่ได้นั่นคือขั้นตอนสุดท้ายของการสิ้นสุดการเป็นดวงวิญญาณ13.เรื่องที่คุณพูดคุย (ถ้าอยากมีปัญญา)ก็ต้องพูดคุยเรื่องการพัฒนาตนเองอยากบรรลุหลุดพ้น ต้องพูดคุยเรื่องแนวทางการปฏิบัติดวงวิญญาณ #จิตใต้สำนึกสำคัญขนาดนี้คุณควรดูแลสุขลักษณะทางจิตวิญญาณของคุณให้ดี จิตดี = จิตสำนึกดีทำดี= จิตใต้สำนึกดีรู้ผิดชอบชั่วดี= จิตสำนึกดีดีประพฤติไม่ดีฉ้อโกงลักทรัพย์ หลอกลวง= จิตสำนึกไม่ดี , จิตใต้สำนึกไม่ดี อวดดื้อถือดีหยิ่งยโสโอหัง= จิตสำนึกไม่ดี ,จิตใต้สำนึกไม่ดี คิดไม่ดีต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์= จิตสำนึกไม่ดีจิต, จิตใต้สำนึกไม่ดี ไม่มีความอดทนต่อสิ่งใดเรียนอะไรก็ไม่บรรลุผล= จิตสำนึกไม่ดี ไม่สามารถต้านทานพลังลบจากจิตใต้สำนึกได้ อตัญญู = จิตใต้สำนึกไม่ดี ,จิตสำนึกไม่ดี #ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผู้รู้สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้
เทวดาประจำตัวตอบว่ามีจริง แล้วคืออะไร การอธิบายในเนื้อหานี้ คือรูปธรรมทางพลังงานชนิดหนึ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณซึ่งเป็นแก่นแท้ของมนุษย์ คำว่าเทวดาประจำตัวถูกจำกัดความในความหมายของภาษาเรียก เพียงเท่านั้น และแนวการปฏิบัติของสิ่งที่ถูกเรียกชื่อหรือความเชื่อ ทั้งหมดนี้จะสามรถไขปริศนาได้ให้ท่านได้เมื่อท่านได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งพลังงาน หรือมีโอกาส ได้รู้จักเทวดาประจำตัว แล้วเท่านั้น ท่านจึงจะทราบความหมายของสิ่งๆนั้น ได้ด้วยตัวท่านเอง
#อารมณ์เรียนสดๆ ไม่ออนไลน์ก็ประมาณนี้เลย Camp 45จิตวิญญาณเชื่อมโยงกับ “ความเป็นมนุษย์” ซึ่งมีพื้นฐานของคุณค่าทางจิตวิญญาณ ความสงบ ความรักและความสุข แต่บางคนกลับขับเคลื่อนตัวเองไปด้วยแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว คาดหวังที่จะได้รับมากกว่าจะชื่นชมกับความงดงามของการเป็นผู้ให้ บางคนไขว่คว้าราวกับว่าชีวิตแสนว่างเปล่า บ้างก็แสวงหาเหมือนไม่เคยรู้จักคำว่า “พอ” คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์นี้จะช่วยดึงคุณกลับมาสู่ความเป็นธรรมชาติอีกครั้ง อภิญญาที่เกิดขึ้นหลังจากเรียกบารมีมาแล้วไม่ได้แสดงว่าเราเป็นผู้วิเศษอยู่เหนือผู้อื่น เรามีได้ คนอื่นก็มีได้และอาจจะมีมาก กว่าเราด้วยซ้ำ(เหมือนเรามีมือถือใช้คนอื่นๆก็มีเช่นกันอาจจะดีกว่าที่เราใช้อยู่) #ให้มีสติเตือนตัวเองเสมอไม่หลงตัวเองและไม่ดูถูกผู้อื่น
สติ 3 ระดับ > (#คุณมีสติระดับไหน)สติมีด้วยกัน 3 ระดับ1. #สติระดับควบคุมความคิดสติระดับนี้เป็นสติขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ต้องใช้เพื่อดำรงชีวิตประจำวัน เป็นสติที่มีอยู่แล้วในสัตว์โลกตั้งแต่มนุษย์ขึ้นไป เป็นสติที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงาน ความสัมพันธ์ และการแสดงออกให้เหมาะสมกับกาลเทศะ เช่น นึกว่า “ขณะนี้เรากำลังทำงานอยู่ ก็ต้องตั้งใจทำงาน” หรือนึกว่า “เราไม่ควรไปโกรธเขาเลย ให้อภัยเขาจะดีกว่า จะได้ไม่มีเรื่องติดใจต่อกัน” การฉุกคิดในลักษณะนี้ ล้วนเกิดจากการใช้สติในการควบคุมความคิดทั้งสิ้น》สติระดับที่หนึ่งเป็นสติที่ทำให้เรากลายเป็นผู้มองโลกในแง่ดี ถ้าใช้สติระดับที่หนึ่งบ่อยๆ ชีวิตในโลกภายนอกก็จะพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ2. #สติระดับเห็นความคิดสติระดับนี้เป็นสติที่พระพุทธเจ้าทรงคิดขึ้นมาเป็นคนแรก เป็นการกำหนดสมาธิ วางใจให้เป็นกลาง แล้วจึงใช้สติดึงจิตให้หลุดจากความคิดมาเป็นผู้สังเกต การฝึกสติเช่นนี้บ่อยๆ จะทำให้กลายเป็นผู้เท่าทันความคิด สามารถเห็นการเกิดขึ้นและดับไปของความคิด ทำให้อยู่เหนืออารมณ์ของตนเองได้ ความทุกข์ต่างๆ จะน้อยลง ความสุขจะเพิ่มขึ้น อัตตาตัวตนจะทุเลาเบา ถ้าฝึกสติในระดับนี้เป็นประจำ สติในระดับแรกก็จะเกิดง่ายขึ้น 》สติระดับที่สองนี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ จำเป็นต้องผ่านกระบวนการฝึกจิตอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่การฝึกวิปัสสนากรรมฐานเป็นต้น3. #สติระดับเหนือความคิด (มหาสติมหาปัญญา)สติระดับที่สามนี้ เป็นสติที่ก่อให้เกิดปัญญาทะลุโลก เป็นสติที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝนสติในระดับที่สองจนเกิดความชำนาญ สติระดับมหาสติมหาปัญญานี้ ไม่จำเป็นต้องใช้การฉุกคิด เพราะเป็นสติที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานเหมือนสายน้ำไหล ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันลืม ไม่มีวันเผลอ ไม่มีคำว่าขาดช่วงขาดตอน กล่าวคือเป็นสติที่มีความเร็ว จนสามารถเห็นว่าความคิดและความรู้สึกมีกระบวนการทำงานอย่างไร…
#การเปิดญาณบารมี#และการเพิ่มและการรับพลังจิต บุคคลที่มีสมาธิดีจะมีคลื่นความถี่ และความรุนแรงของพลังงานความคิดสูง สามารถที่จะส่งพลังงานนั้น ไปยังบุคคลที่ตั้งเป้าหมาย ไว้ได้แน่ชัดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวผู้รับได้ตามความปราถนานั้น #เรียกว่าการเพิ่มและการรับพลังจิตการเพิ่มแต่ละครั้ง แต่ละคนไม่เหมือนกัน เพิ่มพลังจิต แต่ละครั้งนาน เท่าใด ผู้เพิ่มพลังจิตจะทราบได้ในสมาธิจิตนั้นหากผู้รับยังรับได้ ก็เพิ่มให้ต่อไปหากเห็นว่า พลังจิต #ที่ส่งไปนั้นหยุดลงก็หยุดเพิ่มพลังจิตในครั้งนั้น และต้องเพิ่มพลังจิตกี่ครั้งจึงจะได้ผลสิ่งนี้ไม่มีกำหนด แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้รับ หากผู้รับสามารถรับพลังจิตได้มาก และเห็นว่าอวัยวะที่ผิดปกตินั้น เปลี่ยนเป็น ปกติเร็ว พลังจิตที่ส่งไปจะหยุดลง ควรหยุดเพิ่มพลังจิตให้ผู้รับพลังกลับไปทำสมาธิภาวนาด้วยตนเอง ผู้รับพลังจะสร้างพลังจิตที่ดีขึ้นมาได้ พลังจิตนั้นๆ จะบำบัดทุกข์ให้ได้ในที่สุด #การเพิ่มพลังจิตกระทำได้ 3 ทางคือ 1. เพิ่มที่อวัยวะนั้นโดยตรง2. เพิ่มที่จุดกำเนิดของพลังจิต คือที่ต่อมไพเนียล3. เพิ่มพลังจิตให้ครอบคลุมทั้งตัวผู้รับ จะเพิ่มให้ใครที่อวัยวะใดนั้นจะทราบและเห็นได้ในสมาธินั้นๆ #ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดี ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้คือเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา และเมื่อเพิ่มพลังจิตให้กับใครก็ตามต้องรู้ทุกข์ รู้สาเหตุแห่งทุกข์ รู้หนทางดับทุกข์ และรู้วิธีการดับทุกข์นั้นๆโดยชัดแจ้งพร้อมตั้งตนอยู่ในพรหมวิหารธรรม และหิริโอตัปปธรรม #ผู้รับพลังจิตที่ดี คือ เป็นผู้ที่มี1. ศรัทธา ผู้รับต้องมีศรัทธาที่จะรับพลังจิต2. สมาธิ ผู้รับต้องมีความตั้งมั่นแห่งจิตอยู่กับกายและจิตของตน3. สติ ผู้รับต้องมีความระลึกได้ว่าตนกำลังรับพลังจิตอยู่4. ปัญญา ผู้รับต้องรู้จักการปล่อยวางความทุกข์ออกจากจิตใจในขณะนั้น5. ความขยันหมั่นเพียร การรับพลังจิตนั้นต้องรับสม่ำเสมอและให้ตั้งอยู่ในคำสอนของพุทธองค์เป็นหลัก ดังกล่าวแล้ว…