ปลาจากท้องนา
ปลาจากท้องนาที่ไม่รู้จักนำมาพูมฟักให้เติบโตพ่อครูมักนำปลาที่ติดดินแห้งๆหรือที่ชาวบ้านจับมาได้เอามาฟากให้ครูเลี้ยงครูจะเลี้ยงไว้น้ำท่วมเมื่อไหร่มันคงจะเติบใหญ่ต่อไปและออกจากรั้วประตูธรรมไปตามธรรมชาติของมัน
ปลาจากท้องนาที่ไม่รู้จักนำมาพูมฟักให้เติบโตพ่อครูมักนำปลาที่ติดดินแห้งๆหรือที่ชาวบ้านจับมาได้เอามาฟากให้ครูเลี้ยงครูจะเลี้ยงไว้น้ำท่วมเมื่อไหร่มันคงจะเติบใหญ่ต่อไปและออกจากรั้วประตูธรรมไปตามธรรมชาติของมัน
ถ้าเรามีตาทิพย์จริงมีญาณทิพย์จริงมีหูทิพย์จริงมีเทวดาประจำตัวจริง#เราจะรู้สึกตัวจริงว่าเหตุใด #ครูผู้ถ่ายทอดจึงสำคัญ#คำสอนหลวงปู่ปานสอนศิษย์#อย่าเก่งคนเดียว#พวกเธอจงจำไว้นะการที่เราจะ เสกพระ เสกผ้ายันต์ … อะไรต่ออะไรนี่น่ะถ้าเสกด้วยอำนาจกำลังของเราละ … #ไม่ช้ามันก็เสื่อม#เราน่ะมันดีแค่ไหนการเสกว่าคาถาต่าง ๆ นี่ก็เป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์หรือเทวดา หรือ พรหม … มาช่วยแต่ว่าคาถาบางอย่าง #ก็จะว่าแต่เฉพาะบางจุดการเสกพระเสกเจ้า หรือเสกผ้ายันต์ เสกอะไรต่ออะไรพวกนี้ #ถ้าเราเอาตัวของเราออกเสีย เราไม่เข้าไปยุ่ง#แต่อาราธนาบารมี …พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมดพรหม หรือ เทวดาทั้งหมด … ท่านมาช่วยท่านทำประเดี๋ยวเดียว ๒-๓ นาที มันก็เสร็จดีกว่าเราทำ ๑,๐๐๐ ปีแล้วเราจะเอาอะไรบ้าง ก็อาราธนาบอกท่านบอกว่า ขอให้ใช้ได้อย่างนั้นอย่างนี้#แต่อย่าลืมนะ ถ้าใช้ในทางทุจริต หรือ กฎของกรรมบังคับ#ไม่มีอะไรจะคุ้มครองใครได้ ถ้าหากว่าใครเลวอยู่แล้ว ก็คอยพยุงๆให้เลวน้อยลงไปนิดหนึ่งได้ ถ้าใครดีขึ้นมาหน่อย ก็พยุงให้ดีมากได้นี่เป็นกฎของ อำนาจพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี และพรหม และเทวดาทั้งหลายหลวงพ่อปาน ท่านก็ออกมาบอก …ยังงี้ใช้ไม่ได้ดอกคุณเล็ก (หลวงพ่อเล็ก) คุณเล็กอย่างนี้ใช้ไม่ได้นะคือว่า…
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนให้เกิดสติขึ้นว่า ความทุกข์นี้มีเพราะความรักมีรักมากก็เป็นทุกข์มากมีรักน้อยก็เป็นทุกข์น้อยจนถึงไม่มีรักเลยจึงไม่ต้องเป็นทุกข์เลย แต่ตามวิสัยโลกจะต้องมีความรักมีบุคคลและสิ่งที่รัก ในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนให้มีสติควบคุมใจ #มิให้ความรักมีอำนาจเหนือสติ#แต่ให้สติมีอำนาจควบคุมความรัก ให้ดำเนินในทางที่ถูกและให้มีความรู้เท่าทันว่าจะต้องพลัดพรากรักสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เมื่อถึงคราวเช่นนั้นจักได้ระงับใจลงได้ อันความรักหรือที่รัก เมื่อผู้ใดมีร้อยหนึ่ง ผู้นั้นก็มีทุกข์ร้อยหนึ่ง รักเก้าสิบ แปดสิบ เจ็ดสิบ หกสิบ ห้าสิบ เป็นต้น จำนวนทุกข์ก็มีเท่านั้น ถึงแม้มีรักเพียงอย่างหนึ่ง ก็มีทุกข์อย่างหนึ่ง ต่อเมื่อไม่มีรักจึงจะไม่มีทุกข์ ผู้หมดรักหมดทุกข์นั้นพระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า“เป็นผู้ไม่มีโศก ไม่มีธุลีใจ ไม่มีคับแค้น”
#อย่าคิดว่า “ตอนนี้ก็พอแล้ว ”ฝึกฝนด้วยความชื่นชมยินดีและความกระตือรือร้นและไม่ตกอยู่ในความเกียจคร้านหรือความเฉื่อยชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าคิดว่า “ตอนนี้ก็พอแล้ว ” ผู้คนเริ่มรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองหลังจากถวายการสวดมัตตราไม่กี่พันบทและท่องบทสวดมนต์ไม่กี่แสนบท ในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่ลังเลเพียงเล็กน้อยที่จะฆ่าแมลง ดื่มด่ำกับความต้องการของพวกเขาทั้งหมดและทําให้แสงสว่าง การกระทําในแง่ลบของพวกเขามากมาย แม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเช่นนั้น นั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ และนั่นคือเหตุผลว่าทําไมเราถึงต้องการคําแนะนําของครูทางจิตวิญญาณมากพอๆกับที่เด็กเล็กต้องการคําแนะนําจากพ่อแม่ของเขาพยายามนําประสบการณ์ทั้งหมดของคุณมาสู่บริบทของความทุ่มเทให้กับครู ถ้าคุณสามารถเข้าใจจุดสําคัญของการปฏิบัตินี้ได้ คุณจะไม่มีอุปสรรค หากสถานการณ์ของคุณนั้นน่ารื่นรมย์และง่ายดาย จงเห็นความสุขของคุณโดยปราศจากความยึดติดใด ๆ ดังคําอวยพรของครู และดั่งความฝันภาพลวงตา และหากคุณผ่านความยากลําบากและความทุกข์ยาก #จงเห็นสิ่งนั้นด้วยดั่งคําอวยพรของครูบาอาจารย์หากคุณล้มป่วย ให้เห็นภาพครูทางจิตวิญญาณของคุณไม่ว่าอยู่ในร่างกายของคุณที่คุณรู้สึกเจ็บปวดหรือสถานที่ของโรค ตระหนักว่าความเจ็บป่วยและความเจ็บปวดทําให้คุณมีโอกาสที่จะชําระตัวเองจากการกระทําในอดีตที่เป็นอันตรายและความไม่รู้แหล่งที่มาของความทุกข์ทรมาน โปรดจําไว้ว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีกมากมายที่กําลังทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับที่คุณเป็น และอธิษฐานขอให้ความทุกข์ของคุณซึมซับสิ่งเหล่านั้น และเพื่อพวกเขาจะได้ปลดปล่อยจากความทุกข์ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้ โรคภัยไข้เจ็บสอนเรา และความเห็นอกเห็นใจ866จำนวนคนที่เข้าถึง122จำนวนการมีส่วนร่วมโปรโมทโพสต์
#การเปิดญาณบารมี#และการเพิ่มและการรับพลังจิตบุคคลที่มีสมาธิดีจะมีคลื่นความถี่ และความรุนแรงของพลังงานความคิดสูง สามารถที่จะส่งพลังงานนั้น ไปยังบุคคลที่ตั้งเป้าหมาย ไว้ได้แน่ชัดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวผู้รับได้ตามความปราถนานั้น #เรียกว่าการเพิ่มและการรับพลังจิต การเพิ่มแต่ละครั้ง แต่ละคนไม่เหมือนกัน เพิ่มพลังจิต แต่ละครั้งนาน เท่าใด ผู้เพิ่มพลังจิตจะทราบได้ในสมาธิจิตนั้น หากผู้รับยังรับได้ ก็เพิ่มให้ต่อไป หากเห็นว่า พลังจิต #ที่ส่งไปนั้นหยุดลงก็หยุดเพิ่มพลังจิตในครั้งนั้น และต้องเพิ่มพลังจิตกี่ครั้งจึงจะได้ผล สิ่งนี้ไม่มีกำหนด แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้รับ หากผู้รับสามารถรับพลังจิตได้มาก และเห็นว่าอวัยวะที่ผิดปกตินั้น เปลี่ยนเป็น ปกติเร็ว พลังจิตที่ส่งไปจะหยุดลง ควรหยุดเพิ่มพลังจิตให้ผู้รับพลังกลับไปทำสมาธิภาวนาด้วยตนเอง ผู้รับพลังจะสร้างพลังจิตที่ดีขึ้นมาได้ พลังจิตนั้นๆ จะบำบัดทุกข์ให้ได้ในที่สุด#การเพิ่มพลังจิตกระทำได้ 3 ทาง คือ 1. เพิ่มที่อวัยวะนั้นโดยตรง 2. เพิ่มที่จุดกำเนิดของพลังจิต คือที่ต่อมไพเนียล 3. เพิ่มพลังจิตให้ครอบคลุมทั้งตัวผู้รับ จะเพิ่มให้ใครที่อวัยวะใดนั้นจะทราบและเห็นได้ในสมาธินั้นๆ#ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดีผู้เพิ่มพลังจิตที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้คือ เป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา และเมื่อเพิ่มพลังจิตให้กับใครก็ตามต้องรู้ทุกข์ รู้สาเหตุแห่งทุกข์ รู้หนทางดับทุกข์ และรู้วิธีการดับทุกข์นั้นๆโดยชัดแจ้งพร้อมตั้งตนอยู่ในพรหมวิหารธรรม และหิริโอตัปปธรรม#ผู้รับพลังจิตที่ดี คือ เป็นผู้ที่มี 1. ศรัทธา ผู้รับต้องมีศรัทธาที่จะรับพลังจิต 2. สมาธิ…
#เทวดาประจำตัว#ญาณบารมีของใคร#เราช่วยกู้ของเก่ากลับให้ได้แต่เจ้ากรรมนายเวรของใครเราไม่ยุ่ง กรรมใคร กรรมมันบุญทำ กรรมแต่ง
#ความทุกข์ยากหลักของอารยธรรมสมัยใหม่คือการที่เราไม่รู้จักวิธีจัดการกับความทุกข์ทรมานในตัวเรา และเราพยายามปกปิดมันด้วยการบริโภคทุกประเภท ผู้ค้าปลีกขายอุปกรณ์มากมายเพื่อช่วยเราปกปิดความทุกข์ที่อยู่ภายใน เว้นแต่และจนกว่าเราจะสามารถเผชิญกับความทุกข์ของเรา เราไม่สามารถอยู่และพร้อมสำหรับชีวิต และความสุขจะหลบหลีกเราต่อไป#มีคนจำนวนมากที่มีความทุกข์มหาศาลและไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร สำหรับหลายๆ คน มันเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วทำไมโรงเรียนไม่สอนให้เยาวชนรู้จักวิธีจัดการกับความทุกข์? ถ้านักเรียนไม่มีความสุข เขาไม่มีสมาธิและเรียนรู้ไม่ได้ ความทุกข์ของเราแต่ละคนส่งผลต่อผู้อื่น ยิ่งเราเรียนรู้ศิลปะแห่งความทุกข์ได้ดีเท่าไร ความทุกข์ในโลกก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น#สติเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะอยู่กับความทุกข์ของเราโดยไม่ถูกครอบงำ สติคือความสามารถที่จะอยู่กับปัจจุบันขณะ รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นที่นี่และตอนนี้ ตัวอย่างเช่น เมื่อเรายกแขนทั้งสองขึ้น เราตระหนักดีว่าเรากำลังยกแขนขึ้น จิตใจของเราอยู่ที่การยกแขนขึ้น และเราไม่ได้คิดถึงอดีตหรืออนาคต เพราะการยกแขนของเราเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะ#มีสติ ความหมายคือ มีสติ เป็นพลังงานที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาปัจจุบัน ยกแขนขึ้นและรู้ว่าเรากำลังยกแขนขึ้น นั่นคือสติ การมีสติในการกระทำของเรา เมื่อเราหายใจเข้าและรู้ว่าเราหายใจเข้า นั่นคือสติ เมื่อเราก้าวและรู้ว่าขั้นตอนต่างๆ กำลังเกิดขึ้น เราก็นึกถึงขั้นตอนต่างๆ สติคือการมีสติในบางสิ่งเสมอ เป็นพลังงานที่ช่วยให้เราตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้และที่นี่ในร่างกายของเรา ในความรู้สึกของเรา ในการรับรู้ของเรา และรอบตัวเรา